top of page

ประวัติความเป็นมา

ประวัติโดยย่อของพระอาจารย์เศรษฐศักดิ์ ฐิตธมโม

(หลวงพ่อแจ็คสัน ฐิตธมโม)

ภูมิลำเนาเดิม เกิดที่บ้านหนองสระปลา (ปัจจุบันเป็นตำบลหนองสระปลา) อ.หนองหาน จ.อุดรธานี 

บิดาชื่ออาจารย์ ศูนย์ อวิโรธน์ อาชีพรับราชการครู (อดีตเรียกครูใหญ่) มารดาชื่อนางบัวทอง อวิโรธน์ อาชีพทำนา

ครอบครัวมีพี่น้องด้วยกันทั้งหมด ๕ คน อาตมาภาพเป็นลูกคนโต ซึ่งในสมัยก่อนการมีลูกมากนั้นส่งผลต่อฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัว ลำพังเงินเดือนโยมพ่อในสมัยนั้นก็พอที่จะเลี้ยงครอบครัวได้ แต่เนื่องจากลูกทั้ง ๕ คน ต้องเรียนหนังสือ ทางครอบครัวจึงต้องแบ่งปันค่าเล่าเรียนให้กับลูกๆทุกคน  โยมพ่อนอกจากที่ต้องทำงานราชการครูเป็นหลักแล้ว ยังมีหน้าที่หลักหลังเลิกเรียนคือ ต้องเปลี่ยนตัวเองเป็นชาวนาทุกวัน หลังเลิกเรียนโยมพ่อ อาตมาภาพและน้องชายคนที่ ๓ ต้องช่วยกันทำนาเพื่อปากท้องและชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัว จนกระทั่งอาตมาภาพสำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ ๗ (ป.๗) ที่โรงเรียนบ้านต้องหนองสระปลา ต.บ้านยา อ.หนองหาน จ.อุดรธานี จากนั้นได้เข้าสอบศึกษาต่อที่โรงเรียนประจำจังหวัด คือโรงเรียนอุดรพิทยานุกูล ซึ่งทางโรงเรียนรับนักเรียนเพื่อศึกษาต่อ จำนวน ๔๐๐ คน อาตมาภาพสอบได้ลำดับที่ ๓๙๕ และจบการศึกษามัธยมศึกษาปีที่ ๓ (ม.ศ ๓) จากอุดรพิทยานุกูลแล้วได้สอบเพื่อศึกษาต่อที่วิทยาลัยครูอุดรธานี โดยมีความคาดหวังจะเป็นครูดำเนินรอยตามโยมพ่อ

ผลปรากฏว่าอาตมาภาพไม่มีรายชื่อเข้ารับการศึกษาต่อ จึงเปลี่ยนความคิด เลือกเรียนสายอาชีพที่วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่จังหวัดขอนแก่น แผนกช่างเครื่องยนต์ และได้ทุนเรียนดีทุกปี เกรดเฉลี่ย ๓.๕ ถึง ๓.๘ ทุกภาคเรียน จนสำเร็จการศึกษาชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช) แล้วได้สอบศึกษาต่อระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง(ปวส) ที่วิทยาลัยเทคนิคอุดรธานี โดยสถาบันรับนักศึกษาเข้าศึกษาต่อจำนวน ๒๐ คน รับนักศึกษาทุน (โควตา) ๑๐ คน เหลือเพียง ๑๐ คน ซึ่งต้องทำการสอบคัดเลือกแข่งขัน

ผลปรากฎว่าอาตมาภาพได้ลำดับที่ ๕ จึงตัดสินใจกลับมาศึกษาต่ออุดรธานี ด้วยเหตุผลที่ว่าวิทยาลัยเทคนิคอุดรธานี นั้นเป็นสถาบันการศึกษาที่ใกล้บ้าน และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัว ที่สำคัญได้ช่วยพ่อแม่ทำนา เนื่องจากเป็นช่วงที่ครอบครัวมีภาระที่ต้องใช้จ่ายจำนวนมาก อาตมาภาพต้องอยู่หอพักเนื่องจากเลิกเรียนค่ำ ส่วนน้องๆต้องเรียนหนังสือ รายจ่ายในครอบครัวจึงเพิ่มมากขึ้น พอถึงฤดูทำนา บางสัปดาห์อาตมาภาพจะต้องกลับบ้านทุกเย็นวันพุธ ส่วนวันพฤหัสบดี วันศุกร์ นั้นต้องขาดเรียน เพื่อช่วยโยมพ่อแม่ทำนา ในหนึ่งสัปดาห์อาตมาภาพเรียนเพียงสามวัน  ส่วนอีกสี่วันต้องใช้ชีวิตอยู่กับท้องไร่ท้องนาแต่ทั้งนี้อาตมาภาพต้องรักษาสิทธิในการเรียนทั้งภาคเช้าและภาคค่ำ (เรียนภาคค่ำเลิก ๒ ทุ่ม) เวลาครูสั่งงานต้องคอยถามเพื่อนว่ามีงานอะไรที่ค้างบ้างและจะตรวจสอบเวลาเรียนตลอด จึงมีสิทธิสอบทุกภาคเรียน

ช่วงนี้เป็นช่วงที่อาตมาภาพเป็นวัยรุ่น ด้วยนิสัยของวัยรุ่นที่ชอบดื่มสุรา อาตมาภาพก็เป็นอีกคนที่มีพฤติกรรมเช่นนั้น ในการดื่มสุราทุกครั้งต้องมีกับแกล้มถึงจะครบหลักสูตรการดื่มสุราของเด็กหนุ่มบ้านนอก ซึ่งกับแกล้มที่อาตมาภาพชอบคือก้อยปลาดิบ เพราะก้อยปลาดิบเป็นอาหารที่ผู้คนในชนบทนิยมรับประทานกัน พออาตมาภาพจบการศึกษาชั้น ปวส ปี ๒๕๒๗ อาตมาภาพอยากจะศึกษาต่อระดับปริญญา อาตมาภาพอยากจะเป็นวิศวกร เหมือนที่เคยสอนอาตมาภาพครั้งตอนเรียน แต่ก็ได้คิดเพราะเป็นช่วงโยมพ่อต้องเหน็ดเหนื่อยกับการทำงานเป็นอย่างมาก ต้องส่งเสียเรียน อีกทั้งโยมแม่ก็ป่วยเป็นโรคมะเร็งที่ท่อน้ำดีระยะที่ ๔ ด้วย โยมพ่อต้องหาเงินเพื่อรักษาเยียวยาโยมแม่ โยมพ่อต้องเป็นหนี้สหกรณ์ครูและต้องหยิบยืมเงินจากคนรอบข้างบ้าง

อาตมาภาพมองดูภาพที่โยมพ่อต้องดิ้นรนหาเงินเลี้ยงดูครอบครัวด้วยความลำบาก อาตมาภาพอยากช่วยโยมพ่อหารายได้จุนเจือครอบครัวอีกแรง จึงตัดสินใจไปหาสอบทีกรุงเทพมหานคร เพื่อจะไปทำงานที่ต่างประเทศ จนในที่สุดความฝันก็เป็นจริง  เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๒๘ มีจดหมายส่งมาที่บ้านเวลาประมาณสิบโมง ขณะที่อาตมาภาพกำลังช่วยโยมน้าสีข้าวที่โรงสีข้าวประจำหมู่บ้านในสมัยก่อน อาตมาภาพอ่านจดหมายแล้ว พบว่าบริษัทที่อาตมาภาพได้ไปสอบเพื่อที่จะไปทำงานต่างประเทศติดต่อกลับมา อาตมาภาพดีใจมากจึงรีบแจ้งข่าวให้โยมพ่อทราบ จึงขอยืมรถจักรยานยนต์ของเพื่อนไปหาโยมพ่อที่โรงเรียนเพราะทางบริษัทให้นำเงิน ๒๕,๐๐๐ บาท ไปจ่ายที่บริษัทภายในวันนี้ จากนั้นพอโยมพ่อรู้ข่าวโยมพ่อก็รีบเข้ามาในหมู่บ้าน หายืมเงินเพื่อให้อาตมาภาพไปทำงานที่ต่างประเทศ การกู้เงินในสมัยนั้นผู้ให้กู้คิดดอกเบี้ยในราคาสูงมาก คือกู้เท่าไรต้องคืนอีกเท่าตัว โยมพ่อของอาตมาตัดสินใจทำสัญญายืมเงินจำนวน ๓๐,๐๐๐ บาท เพื่อให้ลูกชายได้ไปทำงานต่างประเทศ และเผื่อเก็บเงินไว้เป็นค่าเดินทางให้อาตมาภาพด้วย ในสัญญายืมเงิน ๓๐,๐๐๐ บาท ถึงเวลาใช้คืนคือ ๖๐,๐๐๐ บาท เป็นเงินที่มีค่ามากสำหรับอาตมาภาพและครอบครัวของอาตมาภาพเอง แต่ด้วยความจำเป็นจึงต้องเลือกทางที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัวทีแม่ล้มป่วยและน้องเรียนหนังสือ

 

หลังจากนั้น ๓ วัน ทางบริษัทที่อาตมาได้สมัครสอบไปทำงานที่ต่างประเทศก็ได้เรียกตัวให้เดินทางไปทำงานที่ ต่างประเทศ ณ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ที่โรงงานผลิตกระป๋องน้ำอัดลม Jeddah Beverage Can Making Company ในตำแหน่ง Maintainer (ช่างผู้เชี่ยวชาญ การในอัตราจ้าง ๒๑๐๐ sr (Saudi riyal อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงิน ๑ sr มีค่าเท่ากับ ๗ บาทของสกุลเงินไทย) ต่อเดือน คิดเป็นเงินไทยขณะนั้นปี ๑๙๘๕ ประมาณ ๒๑,๐๐๐ บาท) โดยมีชาวอเมริกันเป็นหุ้นส่วนด้วย ความเป็นห่วงโยมแม่ที่ล้มป่วยอาตมาภาพจึงเริ่มไม่อยากไปทำงานที่ต่างประเทศ แต่ด้วยความจำเป็นที่ต้องใช้เงินรักษาโยมแม่ที่ป่วยและส่งน้องเรียน ลำพังโยมพ่อคนเดียวคงเป็นภาระที่หนักมากสำหรับหัวหน้าครอบครัวคนนี้ อีกทั้งโยมแม่บอกอาตมาภาพว่าให้อาตมาภาพไปหาเงินมาสร้างบ้านใหม่ให้แม่ และส่งน้องเรียนสูงๆ อาตมาภาพจึงตัดสินใจไปทำงานที่ต่างประเทศ อาตมาภาพทำงานได้เพียง ๓ เดือน โยมแม่ก็เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับและถุงน้ำดี อายุได้ ๔๑ ปี อาตมาภาพอยากจะกลับบ้านมางานศพโยมแม่ แต่ก็ไม่สามารถกลับมากราบศพโยมแม่ได้เพราะกฏระเบียบคนเข้าทำงานใหม่ถ้าหากอายุงานยังไม่ครบ ๘ เดือน จะไม่สามารถกลับไปเยี่ยมบ้านได้และเป็นช่วงที่อาตมาภาพกำลัง Training เกี่ยวกับโรงงานและเครื่องจักรทั้งหมดและกำลังทดลองงาน ถ้าหากใครสอบไม่ผ่าน นายจ้างจะส่งกลับประเทศเนื่องจากนายจ้างจะพิจารณาว่ายังขาดความรู้ความสามารถ ในงานที่บริษัทจัดจ้างซึ่งมีเพื่อนที่ไปทำงานพร้อมกันกับอาตมาภาพถูกส่งกลับบ้าน ๑ คน เพราะคะแนนไม่ผ่านเกณฑ์ของบริษัท ช่างเป็นช่วงเวลาที่อาตมาภาพหมดเรี่ยวแรงในการทำงาน กำลังใจสำคัญของอาตมาภาพก็ได้จากอาตมาภาพไป แต่อาตมาภาพยังเหลือโยมพ่อรวมทั้งน้องทุกคนที่ยังรอความหวังจากอาตมาภาพ จึงต้องเผชิญหน้ากับการทำงานต่อไป อาตมาภาพสอบได้ที่ ๒ ของพนักงานทั้งหมดในแผนก (ข้อสอบและตอบเป็นภาษาอังกฤษ)

 

ต่อมาหลังโยมแม่เสียชีวิต โยมพ่อของอาตมาภาพก็หันมาปรับทุกข์กับสุรา จากเสาหลักของครอบครัวก็เริ่มเอนเอียงเนื่องจากโยมพ่อติดสุรา อาตมาภาพในฐานะลูกคนโต จึงต้องรับภาระดูแลครอบครัวต่อจากโยมพ่อ ในช่วงระยะเวลาที่ทำงานที่ต่างประเทศ อาตมาภาพคิดถึงบ้านอยากกลับมาอยู่บ้าน แต่ก็ทำได้เพียงกลับมาพักผ่อนตามกำหนดของทุกๆปี ตลอดการทำงานที่ต่างประเทศ มีสาวต่างประเทศเข้ามาพัวพันกับชีวิตหลายคนล้วนแต่เป็นสาวสวย และด้วยว่าอาตมาภาพเป็นคนรักเดียวใจเดียวและไม่ชอบชาวต่างชาติ เพราะเปรียบเทียบระหว่างหญิงชาวต่างชาติกับหญิงไทยแล้ว หญิงไทยดีกว่าทุกเรื่องทั้งทางด้านการพูดจา กิริยามารยาท เอาใจเก่ง และโดยส่วนตัวอาตมาภาพเองเป็นคนที่ชอบความเป็นไทย ถึงแม้ตัวจะทำงานที่ต่างประเทศแต่ใจยังคงรักความเป็นไทย

ช่วงระยะเวลาที่อาตมาภาพกลับมาพักทุกปี อาตมาภาพได้พบเจอหญิงไทยที่มีทัศนคติที่เข้ากับอาตมาภาพได้ เมื่อนานวันเข้าจึงทำให้อาตมาภาพได้หลงรักหญิงไทยคนหนึ่งชื่อ “รัชนี” อาตมาภาพจึงตกลงปลงใจกับสาวไทยเมื่อปี ๒๕๓๒ และมีบุตรด้วยกัน ๒ คน เป็นชายหนึ่งคน หญิงหนึ่งคน

 

หลังจากที่อาตมาภาพมีครอบครัวเป็นฝั่งเป็นฝาได้เพียงหนึ่งปี โยมพ่อก็ได้จากอาตมาภาพไปอีกคนด้วยโรคหัวใจล้มเหลว อายุเพียง ๕๑ ปี ช่วงที่อาตมาภาพขาดทั้งพ่อและแม่ ภาระทั้งหมดทั้งครอบครัวของอาตมาภาพจึงเพิ่มมากขึ้น อาตมาภาพต้องดูแลทั้งภรรยา บุตร รวมทั้งน้องที่กำลังเรียน ซึ่งน้องสาวคนรองจากอาตมาภาพกำลังศึกษาพยาบาล น้องชายคนที่ ๓ กำลังศึกษา ปวส ช่างยนต์ น้องสาวคนที่ ๔ กำลังศึกษาที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ที่เชียงใหม่ ส่วนน้องชายคนสุดท้องไม่ได้เรียน เพราะโยมพ่อรักมากไม่อยากให้ห่างไกลเลยให้ทำนาอยู่ด้วยกันจึงมีอาชีพทำนา จากนั้นน้องทุกคนต่างก็อดทนทำหน้าที่ของแต่ละคนให้ดีที่สุด พอจบการศึกษาก็ได้แยกย้ายทำงานตามที่ตนเองศึกษามา และต่างมีครอบครัวกันทุกคนแล้ว

 

ถึงแม้ครอบครัวของอาตมาภาพและน้องทุกคนของอาตมาภาพมีความเป็นอยู่ดีขึ้น อาตมาภาพก็ยังทำงานที่ต่างประเทศต่อ ช่วงปี ๒๕๕๒ อาตมาภาพรู้สึกเครียดมากเกี่ยวกับทางครอบครัวและงานที่ทำงาน ทำให้นอนไม่หลับประมาณ ๔ ถึง ๕ คืนติดต่อกัน พอรุ่งเช้ามาทำงานก็ไม่มีเวลาพักผ่อน เพราะคิดแต่เรื่องที่เป็นปัญหาทางครอบครัว จนนอนไม่หลับ อาตมาภาพจึงต้องอาศัยยานอนหลับ อาตมาภาพเครียดมากจนทำอะไรไม่ได้ แต่ก็ไม่บอกทางบ้านเกรงว่าทางบ้านจะเป็นห่วง

 

จนกระทั่งปลายเดือนมกราคม ๒๕๕๓ อาตมาภาพได้มีอาการป่วยเป็นไข้หนาวสั่น จึงไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในต่างประเทศ แพทย์ให้การรักษาโดยการฉีดยาลดไข้ แต่อาการไม่ดีขึ้น จึงตัดสินใจเข้ารับการรักษาจากโรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่ง แพทย์ระบุว่าเป็นตับอักเสบ อาตมาภาพเริ่มคันตามลำตัว ตาเหลือง อุจจาระซีด อาตาภาพรู้สึกแย่มาก จึงขอกลับมารักษาตัวต่อที่เมืองไทย พอถึงประเทศไทยอาตมาภาพได้เข้ารับการตรวจเช็คร่างกายที่โรงพยาบาลเปาโล ปัญญาเวช อุดรธานี แพทย์วินิจฉัยพบว่า ได้ป่วยเป็นมะเร็งตับ และมะเร็งที่ท่อน้ำดีระยะที่ ๔ ซึ่งถือได้ว่าเป็นระยะสุดท้ายแล้ว จึงได้ส่งตัวเข้ารักษาต่อที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จังหวัดขอนแก่น

 

แพทย์บอกกับญาติว่า ต้องตัดตับออกซีกหนึ่งเพื่อหยุดการกระจายของเซลล์มะเร็ง ซึ่งอาตมาภาพพร้อมญาติให้การยินยอมในการผ่าตัด จึงได้ให้แพทย์ทำการผ่าตัด ผลปรากฏว่า การผ่าตัดเพื่อตัดตับทีมีเซลล์มะเร็งออกนั้น ประสบความล้มเหลวเนื่องจากเซลล์มะเร็งนั้นกระจายไปทั่วตับแล้วจึงไม่สามารถทำอะไรได้ จึงเย็บแผลคืนตามเดิม หลังจากผ่าตัดแล้ว ๗ วัน อาตมาภาพก็ได้กลับมารักษาตัวต่อที่บ้านหลังจากแผลผ่าตัดหายดี แพทย์ที่โรงพยาบาลให้ทำเคมีบำบัด แต่เนื่องจากสภาพร่างกายไม่เอื้อต่อการทำเคมีบำบัด จึงทำได้เพียง ๔ ครั้ง เพราะว่าร่างกายไม่ตอบสนองต่อปฏิกิริยาเคมีจึงต้องหยุดทำเคมีบำบัด จากนั้นก็นอนพักรักษาตัวที่บ้านต่อโดยญาติก็ดูแลรักษากันไปตามอาการ ซึ่งการรักษาแบบนี้ใช้เวลาประมาณ ๖ เดือน อาการของโรคมะเร็งในตัวของอาตมาภาพก็กำเริบหนัก จึงต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลศรีนครินทร์อีกครั้ง แพทย์ช่วยยื้อชีวิตเท่าที่จะช่วยได้ โดยการสอดสายระบายน้ำดีด้านบนของตับให้ แล้วก็ให้กลับไปรักษาตัวต่อที่บ้าน ซึ่งครั้งนี้ต่างจากครั้งอื่นคือแพทย์บอกกับญาติว่าอาตมาภาพสามารถมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ ๑๕ ถึง ๓๐ วัน

จากนั้นบรรดาญาติพี่น้องและเพื่อนร่วมงานของอาตมาภาพที่รู้ข่าวถึงการเจ็บป่วยของอาตมาภาพในครั้งนี้ก็ต่างพากันมาเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจอาตมาภาพ เนื่องจากอาตมาภาพคงอยู่ดูโลกใบนี้ได้ไม่นาน

 

กระทั่งวันหนึ่งน้องสาวที่มีอาชีพพยาบาลของอาตมาภาพทราบข่าว จึงได้ปรึกษาหารือกับญาติทุกคนรวมทั้งภรรยากับบุตรของอาตมาภาพว่าจะรับอาตมาภาพไปรับการรักษาอาการป่วยของอาตมาภาพโดยทำการบำบัดด้วยธรรมชาติโดยใช้สมุนไพรที่บ้านของน้องสาวที่เป็นพยาบาล ซึ่งการบำบัดโดยธรรมชาตินั้นไม่มีผู้ใดที่มีความรู้เรื่องสมุนไพรเลยแม้แต่คนเดียว

ถึงอย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการยื้อชีวิตของอาตมาภาพไว้ ทุกคนเต็มใจที่จะทำ จึงเริ่มค้นคว้าหาความรู้ด้านสมุนไพรที่ใช้รักษาโรคมะเร็งทางอินเตอร์เน็ตและอ่านจากหนังสือเกี่ยวกับผู้ป่วยโรคมะเร็ง (มะเร็งพ่าย Jacky) แล้วมากำหนดเป็นตารางสำหรับการรักษา

โดยการรักษาของอาตมาภาพก็ใช้วิธีลองผิดลองถูกกันอยู่พักใหญ่จนแน่ใจว่าใช้ได้ก็กำหนดเป็นสูตรสำหรับการบำบัดโดยใช้สมุนไพรกับตัวอาตมาภาพเอง

 

หลังจากที่เข้าคอร์สบำบัดได้ ๔ วัน ก็ได้ไปพบแพทย์นัดตามกำหนด ได้ไปเอ็กซเรย์ดู แพทย์บอกญาติว่าตอนนี้น้ำดีเริ่มไหลลงลำไส้เล็กได้เองบ้างแล้ว (เนื้องอกได้ยุบตัวลง) ถือว่าเป็นข่าวดีมากสำหรับตัวอาตมาภาพและรวมทั้งครอบครัวและญาติโยมของอาตมาภาพที่ดูแลอาตมาภาพ จากนั้นก็พากันเดินหน้าทำการบำบัดโดยใช้สมุนไพรต่อไป

ญาติผู้ทำการดูแลรักษาอาตมาภาพ ไม่เคยมีใครว่าเหนื่อยหรือท้อแท้ในการดูแลอาตมาภาพเลย ซึ่งทุกคนอยากให้อาตมาภาพมีสุขภาพร่างกายที่ดีขึ้นถึงแม้จะไม่หายจากโรคมะเร็งร้ายก็ตาม

 

จากนั้นหลังการบำบัดด้วยสมุนไพร อาการของโรคร้ายก็บรรเทาลง สุขภาพร่างกายดีขึ้นตามลำดับ ผลตรวจเลือดทุกเดือนก็ดีขึ้นตามลำดับ (อาตมาภาพก็สวดมนต์อธิษฐานว่าถ้ากลับฟื้นคืนมาเป็นปกติได้ จะบวชให้กับเจ้ากรรมนายเวร (ถ้าปาฏิหาริย์มีจริงขอให้ได้บวชด้วย) หลังครบ ๖ เดือนที่อาตมาภาพทำการบำบัดโดยใช้สมุนไพรซึ่งอาตมาภาพได้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ทำตามตารางที่กำหนดให้ทำทุกวัน

 

จากนั้นอาการป่วยของอาตมาภาพดีขึ้นมากจนสามารถปฏิบัติภารกิจส่วนตัวได้เอง น้องสาวจึงได้พาตัวอาตมาภาพกลับบ้านอยู่กับครอบครัว จากนั้นทางครอบครัวอาตมาภาพโดยมีภรรยาที่ต้องการบวชลูกชาย จึงได้พาลูกชายไปวัดเพื่อหารือกับพระ เจ้าอาวาสวัดป่าทรงธรรม บ.ดอนแคน ต.พันดอน อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี เรื่องบวชลูกชาย และโยมภรรยาจึงเรียนถามเจ้าอาวาสที่วัดว่าอย่างอาตมาภาพนี้สามารถที่จะบวชได้ไหม เมื่อเจ้าอาวาสบอกว่าได้ อาตมาภาพก็ดีใจมากที่จะได้บวชได้สมใจ

ลูกชายบวช ๑๘ วันก็สึก ส่วนอาตมาภาพไม่ได้สึกเพราะรู้สึกว่าการที่ได้บวชเข้ามาในดินแดนของพระพุทธเจ้านั้นทำให้จิตใจสบาย สงบ มีแต่ความสุข ทั้งร่างกายและด้านจิตใจเป็นที่สุด ส่วนสภาวะด้านสุขภาพร่างกายของอาตมาภาพก็ดีขึ้นเรื่อยตามลำดับ

 

อาตมาภาพบวชได้ประมาณ ๑ พรรษา ผ่านไป ทางครอบครัวของอาตมาภาพเองเกิดปัญหาสำคัญขึ้น โยมภรรยาได้มีผู้ชายคนใหม่และได้ขอหย่ากับอาตมาภาพบอกว่าเหนื่อยมากในการแก้ปัญหาต่างๆตัวคนเดียว และอาตมาภาพก็เข้าใจว่าต้องมีผู้นำครอบครัวร่วมแก้ไขปัญหา “ครอบครัวจะขาดผู้นำไม่ได้” แต่อาตมาภาพไม่สามารถที่จะเป็นผู้นำครอบครัวได้เต็มรูปแบบเนื่องจากอาตมาภาพป่วย อีกทั้งอยู่ในสมรรณเพศ จึงได้เปิดโอกาสให้โยมภรรยาหาผู้นำครอบครัวคนใหม่ตามแต่ใจเขาต้องการ จากนั้นอาตมาภาพก็ได้จดทะเบียนหย่าให้กับอดีตภรรยาของอาตมาภาพเอง

ส่วนเวลาอาตมาภาพมีชีวิตเหลืออยู่ในโลกใบนี้ อาตมาภาพขอละกิเลสทางโลกมุ่งสู่ทางธรรมและขอตั้งสัจจะปฏิญาณว่า

“จะขอมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อเป็นวิทยาทานสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง” แนะนำผู้ป่วยโรคมะเร็งที่สนใจบำบัดด้วยวิธีธรรมชาติบำบัด และได้จัดหาสมุนไพรมาปลูกไว้ที่วัดจัดเป็นสวนสมุนไพร โดยได้รับศรัทธาสร้างถวายจากโยมเพื่อนๆและได้จัดทำสมุนไพรขึ้นมาบำบัดตัวเองต่อเนื่องโดยใช้ชีวิตที่มีอยู่อย่างไม่ประมาท เพราะอาการของโรคมะเร็งสามารถแสดงอาการได้ทุกเมื่อเพราะมะเร็งในโรคนี้ยังไม่มีใครรักษาให้หายขาดได้ในปัจจุบัน

 

อาตมาภาพดำรงอยู่กับสิ่งมีชีวิตโดยไม่เบียดเบียนใครอย่างมีความสุข สุขภาพร่างกายแข็งแรง สามารถปฏิบัติกิจวัตรของพระภิกษุสงฆ์ได้ด้วยตนเอง  หลังจากที่มีญาติโยมที่รู้ข่าวว่าอาตมาภาพสามารถบำบัดโดยใช้สมุนไพรบำบัดโรคมะเร็งร้ายก็มาขอคำแนะนำ ปรึกษาหารือจนมีผู้ป่วยบางรายมาบำบัดที่วัดกับอาตมาภาพด้วย

 

ในการบำบัดด้วยวิธีใดก็ตาม ขอเพียงเรามีจิตใจตั้งมั่น แน่วแน่ในการปฏิบัติ เราสามารถที่จะมีชีวิตได้ตามปกติและมีความสุขอย่างแท้จริง จิตใจเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการที่จะต่อสู้และอยู่กับโรคมะเร็ง  

จงบอกกับมะเร็งว่า 

“เราอยู่ได้ท่านก็อยู่ได้ เราตายท่านก็ตายตามเราด้วย”

เราควรที่จะอยู่ด้วยกันแบบสันติไม่เบียดเบียนกันและกัน

เจริญพร

หลวงพ่อ แจ็คสัน ฐิตธมโม  

© Goodbye-Cancer.info

bottom of page